หญิงอ้วนเข้าไปก่อเหตุขโมยครีมทาหน้าและยาทาเล็บในร้านเซเว่นอิเลเว่น
ถูกพนักงานจับได้อ้างอยากสวยเพราะถูกสามีทิ้งมา5 เดือน
แต่ด้วยความจนเงินไม่พอและลูกไม่สบายและมือเท้าเปื่อยจากการรับจ้างทำเต้าฮู้
จึงต้องขโมย แต่พนักงานเผยก่อเหตุเป็นครั้งที่2
สุดท้ายอ้อนวอนไม่ให้จับกุมเจ้าของร้านใจดียอมปล่อยแต่ให้จ่ายเงินค่าสินค้าสัญญาจะกลับตัวกลับใจไม่ขโมยอีก
ตำรวจนำไปลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานไม่ให้ก่อเหตุอีก
เมื่อเวลา 08.30น.วันนี้(3ต.ค.) ทางตำรวจชุดสายตรวจ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ได้รับแจ้งเกิดเหตุลักทรัพย์ภายในร้าน7 อิเลเว่น สาขาทุ่งเสา ย่านตลาดทุ่งเสา เขตเทศบาลนครหาดใหญ่
หลังจากไปตรวจสอบพบผู้ก่อเหตุเป็นหญิงสาวอายุ
44 ปี( น.ส.มะลิวัลย์ อาจหาญ) ชาวต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ซึ่งรูปร่างอ้วน
ยืนอยู่ข้างเค้าเตอร์ซึ่งพนักงานได้กักตัวเอาไว้ระหว่างรอตำรวจมาถึง โดยยืนถือถุงใส่ของซึ่งข้างในเป็น
ครีมทาหน้า1 กล่อง และยาทาเล็บ1 กล่องที่แอบหยิบมาจากชั้นวางสินค้า
มูลค่าสินค้ารวมกัน120 บาท
ตำรวจได้สอบถามหญิงสาวคนนี้ก็ยอมรับสารภาพว่าขโมยสินค้าจริงเพราะความจนเงินไม่พอและเพิ่งทำเป็นครั้งแรกด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
เหตุที่ขโมยครีมทาหน้าและยาทาเล็บเพราะอยากสวยเหมือนกับคนอื่นเนื่องจากตนเพิ่งถูกสามีทิ้งไปราว5 เดือนจากรูปร่างที่อ้วน
รวมทั้งที่มือและเท้ายังถูกน้ำกัดเป็นแผลจากการทำงานเป็นลูกจ้างร้านทำเต้าฮู้ซึ่งมีรายได้แค่วันละ200 บาทแถมยังมีหนี้สินอีก
แต่จากการเปิดเผยของพนักงานร้าน7 อิเลเว่นแห่งนี้ บอกว่า
หญิงสาวคนนี้เข้ามาขโมยสินค้าในร้านเป็นครั้งที่2 โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมาได้ขโมยยาแก้ไอไป1ขวด
แต่จับไม่ทันออกจากร้านไปก่อนจึงได้บันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดเอาไว้
และวันนี้พอหญิงสาวคนนี้เดินเข้ามาในร้านก็จำได้ทันที
แต่ปล่อยให้เดินเลือกซื้อสินค้าและไปดูพฤติกรรมจากกล้องวงจรปิดก็พบว่าได้แอบขโมยของอีกจึงแจ้งตำรวจจับกุม
ทั้งนี้หลังจากจนมุมหญิงสาวคนนี้พยายามอ้อนวอนไม่ให้จับกุมอ้างยังมีลูกที่ต้องเลี้ยงดูอีก2 คนและลูกกำลังไม่สบายจะมาซื้อยากลับไปให้ลูกด้วย
ตำรวจจึงให้คุยกับเจ้าของร้านทางโทรศัพท์ซึ่งหญิงสาวคนนี้ก็อ้อนวอนขอโอกาสและสัญญาจะกลับตัวกลับใจและเจ้าของร้านก็ใจดียอมให้โอกาสไม่ดำเนินคดีแต่ให้จ่ายค่าสินค้าทั้งสองชิ้นที่ขโมยมา
และหลังเกิดเหตุทางตำรวจได้นำตัวหญิงสาวคนนี้ไปทำประวัติเอาไว้เป็นหลักฐานเพื่อไม่ให้ก่อเหตุลักทรัพย์อีก
03-10-62 ทีมข่าว นภาลัย ชูศรี สงขลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น