เผาศพคุณทวดฉิ้นอายุ105ปีคุณทวด5 แผ่นดินลูกหลานและชาวบ้านมาร่วมพิธีจำนวนมาก ตลอดงานศพ7 วันช้อนหายไปกว่า1,000 คัน เพราะผู้ที่มาร่วมพิธีศพได้หยิบติดมือกลับไป และในงานเผาศพก็นำมาแจกเป็นที่ระลึกอีกเกือบ1,000 คัน เพราะเชื่อว่าหากนำช้อนจากในครัวหรืองานศพของผู้ที่เสียชีวิตอายุเกือบ100 ปีจะเป็นสิริมงคลมีอยู่มีกินอายุยืนยาว และวันเผายังมีพิธีแปลกนอนให้พระเหยียบหลังเชื่อช่วยรักษาโรคภัย
วันนี้(24พ.ย.) ที่วัดนารังนก ต.แม่ทอม อ.บางกล่ำ จ.สงขลา ได้มีพิธีฌาปณกิจศพ คุณทวดฉิ้น แก้วสวัสดิ์ อายุ 105ปีกับ 7 เดือน ซึ่งเป็นผู้ที่มีอายุมากที่สุดในอ.บางกล่ำ จ.สงขลา และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่บ้านพักเลขที่ 53 หมู่5 ต.แม่ทอม อ.บางกล่ำ จ.สงขลา
และอยู่มา5แผ่นดิน ตามบัตรประชาชน คุณทวดฉิ้น เกิดเมื่อวันที่1 มกราคม พ.ศ. 2457 ปีขาล ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่6
โดยบรรยากาศในพิธีฌาปณกิจศพที่ลูกหลานทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัดรวมทั้งชาวบ้านที่เคารพนับถือเดินทางมาร่วมพิธีศพจำนวนมากเพื่อไว้อาลัยให้กับคุณทวดฉิ้นเป็นครั้งสุดท้าย
แต่ที่แปลกและแตกต่างจากงานศพและพิธีฌาปณกิจศพทั่วไปคือตั้งแต่เริ่มตั้งบำเพ็ญกุศลศพอยู่ที่วัดนารังนกมาตลอด7 วัน มีช้อนกินข้าวซึ่งเป็นช้อนของวัดที่นำมาใช้ในงานศพจำนวน 1,500 คัน หายไปกว่า1,000 คัน เพราะผู้ที่มาร่วมพิธีศพได้หยิบติดมือกลับไป เหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้อย รวมทั้งในวันพิธีฌาปณกิจศพซึ่งน้ำช้อนมาเป็นที่ระลึกแจกจ่ายมาร่วมงานศพจำนวน 500 คันก็ไม่เพียงพอต้องสั่งมาเพิ่มอีกเกือบเท่าตัว
เพราะเชื่อกันว่าหากนำช้อนกินข้าวจากในครัวหรืองานศพของคนตายที่อายุเกิน100ปีขึ้นไปกลับไปเก็บไว้ที่บ้านจะทำให้มีกินมีใช้ ทำมาค้าขึ้น และมีอายุยืนยาวเป็นสิริมงคลซึ่งเป็นความเชื่อของคนโบร่ำโบราณที่สืบต่อกันมาโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้
นอกจากนี้ในระหว่างพิธีฌาปณกิจศพตอนชักผ้าบังสุกุลบรรดาลูกหลานที่เป็นผู้ชายก็จะไปนอนให้พระเดินเหยียบบนหลัง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความเชื่อที่แทบไม่มีให้เห็นอีกแล้วว่ากันว่าการให้พระเดินเหยียบหลังจากได้บุญและทำให้โรคภัยไข้เจ็บหายเป็นปลิดทิ้ง
นายไพบูลย์ พรหมศร อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นลูกเขยบอกว่า ช้อนในงานศพหายไปกว่า1,000 คัน ส่วนในวันเผาก็นำมาแจกให้กับผู้ร่วมงานอีกเกือบ1,000 คัน เพราะมีผู้ต้องการจำนวนมากเพื่อนำกลับไปเก็บที่บ้านซึ่งญาติก็ยินดี ส่วนการนอนให้พระเหยียบบนหลังก็เป็นอีกพิธีหนึ่งที่สืบทอดกันมาแต่ปัจจุบันไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว ############ นภาลัย ชูศรี สงขลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น