09-10-63 นภาลัย ชูศรี สงขลา
เผยชีวิตสองพ่อลูกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใจบุญจนชีวิตเริ่มดีขึ้น จากที่เคยอดอยากอยู่ในบ้านทรุดโทรมพ่อพิการจากอุบัติเหตุลูกชายต้องหยุดเรียนป.2และต้องแยกทางกับภรรยาเพราะทำงานไม่ได้ ล่าสุดไม่ต้องอดอยากแล้วและลูกชายจะได้กลับมาเรียนหนังสือเหมือนเดิม แต่ต้องใช้วิธีเก็บสมุดบัญชีธนาคารกับบัตรเอทีเอ็มโดยการขุดหลุมฝังดินไว้หลังบ้านและเก็บเป็นความลับเพื่อความปลอดภัย พ่อยกมือท่วมหัวขอบคุณน้ำใจคนไทยทั้งประเทศ และจะใช้จ่ายเงินอย่างประหยัดและคุ้มค่าที่สุดเพราะเป็นชีวิตตนและลูกชาย
ที่จ.สงขลา หลังจากที่ได้มีการนำเสนอเรื่องราวชีวิตสุดแร้นแค้นและลำบาก ของ นายนวม แก้วละเอียด อายุ 47 ปี และ ด.ช.วราวุธ แก้วละเอียด หรือน้องมิก อายุ 11 ปี สองพ่อลูก ซึ่งอาศัยอยู่กันเพียงลำพัง 2 คน ภายในบ้านพักเลขที่ 59/2 หมู่ 7 ต.ท่าโพธิ์ อ.สะเดา จ.สงขลา ที่มีสภาพเก่าทรุดโทรม โดยผู้เป็นพ่อร่างกายซีกขวาพิการทั้งมือและขาจากการประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ไม่สามารถประกอบอาชีพได้เหมือนก่อน ส่วนน้องมิก ก็ต้องหยุดเรียนแค่ชั้นป.2 เพื่อมาดูแลพ่อ ซ้ำร้ายยังต้องแยกทางกับภรรยาที่เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่จ.เพชรบูรณ์ ต้องพาลูกชายกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดสองคนอาศัยเงินสงเคราะห์คนพิการเดินละ800 บาทประทังชีวิตและปลูกพืชผักเล็กๆน้อยๆข้างบ้าน
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปติดตามชีวิตของสองพ่อลูกคู่นี้อีกครั้งร่วมกับทหารกองบิน56 และกลุ่มพลังอาสายามยากจังหวัดสงขลา ที่เป็นหน่วยงานที่เข้าไปช่วยเหลือสองพ่อลูกตั้งแต่ต้น
ซึ่งทั้งสองพ่อลูกยังคงใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังเก่าทรุดโทรมตามประสาพ่อลูก แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือรอยยิ้มของทั้งสองคนที่อยู่บนใบหน้า เพราะชีวิตเริ่มดีขึ้นเริ่มมีกินไม่ต้องอดมือกินมื้อเหมือนแต่ก่อน
จากความช่วยเหลือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและคนไทยทั่วประเทศที่ช่วยกันบริจาคสิ่งของเครื่องใช้เครื่องยังชีพและเงินที่ผ่านทางบัญชีธนาคารคนละเล็กละน้อย จนถึงขณะนี้มีเงินอยู่ในบัญชีพอสมควร
ซึ่งทั้งสองคนเก็บไว้อย่างดีแทบไม่ได้ใช้ ในขณะที่ น้องมิก ซึ่งยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นเหมือนกับเด็กทั่วไปเพราะจะได้กลับมาเรียนหนังสือเหมือนเดิมที่โรงเรียนวัดม่วงก๊อง ในต.พังลา อ.สะเดา จ.สงขลา ในภาคเรียนที่จะถึงนี้โดยจะเข้าเรียนในชั้นป.2
นายนวม ได้ยกมือไหว้ท่วมหัวและของคุณทุกคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตนกับลูกจนชีวิตเริ่มดีขึ้น โดยบอกว่า ตอนนี้เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ไม่อดอยากเหมือนก่อนแล้วมีกินมีใช้ตามสมควรจากข้าวของเครื่องใช้และสิ่งของยังชีพที่ผู้ใจบุญนำมาช่วยเหลือ ซึ่งไม่คิดว่าจะมีวันนี้และดีขึ้นภายพริบตาจากที่อดอยากมานานแต่ชั่วข้ามคืนทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
นายนวมบอกว่า เงินที่ทุกคนบริจาคมานี่คือชีวิตของตนกับลูกตนจะเก็บไว้อย่างดีใช้เฉพาะที่จำเป็น ส่วนหนึ่งก็จะนำมาซ่อมแซมบ้านให้พออยู่ได้ และส่วนหนึ่งก็จะนำมาลงทุนเลี้ยงไก่ไข่เพื่อขายและมีกินประหยัดค่าใช้จ่าย ส่วนลูกชายก็ได้กลับมาเรียนหนังสือแล้ว
นายนวมกล่าวว่า ตอนนี้ต้องใช้วิธีเก็บสมุดบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็มด้วยการใส่ในกระป๋องเหล็กแล้วนำไปขุดหลุมฝังดินไว้บริเวณหลังบ้าน เพื่อความปลอดภัยเพราะภายในบ้านไม่มีที่เก็บและยังไม่เรียบร้อย แต่ขอปิดเป็นความลับว่าขุดหลุมฝังไว้ที่ใด หากจะใช้ก็ไปขุดมา เพื่อความปลอดภัย เพราะลำพังตนเองยังช่วยเหลือตัวเองอะไรไม่ได้แค่ผลักก็ล้มแล้ว จึงต้องนำสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มขุดหลุมฝังดินเอาไว้
ด้าน นางวรรณี จำนง ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดม่วงก๊อง เปิดเผยว่า จะรับน้องมิกเข้าเรียนในชั้นป.2 ในภาคเรียนใหม่นี้ขณะนี้กำลังอยู่ร่ะหว่างการทำเรื่องย้ายจากโรงเรียนเก่ามาอยู่โรงเรียนใหม่ ซึ่งจะได้เรียนหนังสือเหมือนกับเด็กคนอื่นๆและสวัสดิการต่างๆทั้งอาหาร ชุดนักเรียนและสมุดหนังสือ และในช่วงปิดเทอมก็จะให้น้องมิกซ์ไปปรับพื้นฐานเพื่อเตรียมพร้อมในการกลับมาเรียนอีกครั้ง
ส่วนในเรื่องของอาชีพ ทาง พันจ่าอากาศเอกพงศธร เซ่งเวียง เจ้าหน้าที่กิจการพลเรือนและประชาสัมพันธ์กองบิน 56 ในฐานะผู้ประสานงานการช่วยเหลือบอกว่าในส่วนของเรื่องการซ่อมแซมบ้านและเรื่องอาชีพทางทหารกองบิน56 จะเข้ามาดำเนินกรซ่อมแซมให้รวมทั้งสร้างคอกไก่เพื่อเลี้ยงไก่ไข่ให้สองพ่อลูกพอที่จะมีอาชีพสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองได้
สำหรับผู้ที่ต้องการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือพ่อลูกคู่นี้สามารถติดต่อประสานงานได้ที่ พันจ่าอากาศเอกพงศธร เซ่งเวียง ตำแหน่งเจ้าหน้าที่กิจการพลเรือนและประชาสัมพันธ์กองบิน 56 โทร. 08-1267-6552
###ดาวใต้นิวส์ออนไลน์098-9515199
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น