จ. อำนาจเจริญ 24/7/63
ข่าว ร.ร.ชาวบ้านพิพาทอดีตครูใหญ่ส่อบานปลาย
นายคู่ บุญมาศ 087- 2557999 ข่าว / ภาพ
พิพาทที่ดินโรงเรียนกับอดีตครูใหญ่ที่ได้ออกเอกสารสิทธิ์ นส3ก.ถูก ผอ.คนใหม่คณะกรรมการสะถาศึกษาและชาวบ้าน 4 หมู่บ้านอ้างว่าออกที่ดินทับซ้อนโรงเรียนส่อบานปลาย
กรณีย์ที่นายทวีสุข พรรณเจริญ ผอ. ร.ร.บ้านบุ่งเขียว ต. โคกก่ง อ. ชานุมาน จ. อำนาจเจริญและคณะกรรมการการศึกษา ที่ก่อกำแพงล้อมโรงเรียนตั้งแต่ ปี2562 ส่งผลให้ครอบครัวอินทร์สดครูและครูอัตราจ้างโรงเรียนเว้นทางเข้าออกที่เคยเข้าออกมาตั้งแต่สมัยนายสำลี อินทร์สดพ่อของครอบครัวที่เป็นอดีตครูใหญ่โรงเรียนบ้านบุ่งเขียวคนที่ 7 ตั้งแต่ ปี 2491 ขอให้ทางโรงเรียนปล่อยให้มีประตูปิดเปิดเพื่อเป็นทางเข้าออกแต่ทางโรงเรียนไม่ยอมทางครอบครัวจึงจำยอมเนื่องจากหวั่นจะได้รับผลกระทบต่อนา.งปิยะรัตน์ ไกยะวินิจ ครูอัตราจ้าง นางปัจนา แสนสุข ครูอัตราจ้างต่อมาทางโรงเรียนเลิกจ้างและ น.ส.ณุกานดา อินทร์สด ครูชำนาญการพิเศษทนความกดดันไม่ได้ขอย้ายตัวเองไปสอนที่ จ. เลย ทั้งสองฝ่ายได้ผัดกันฟ้องร้องกันไปมาขณะนี้เรื่องอยู่ในขั้นศาล ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้ว
นายตำรา ฑีฆะ ข้าราชการบำนาญ ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนบ้านบุ่งเขียว เปิดเผยว่าที่มีคณะกรรมการจังหวัดออกมาพบชาวบ้านที่ห้องประชุมโรงเรียนเมื่อวันที่ 22 กค.ที่ผ่านมาเพื่อรายงานถึงความคืบหน้าที่ทางคณะกรรมการสถานศึกษาและชาวบ้าน 4 หมู่บ้านเดินทางเข้าพบ ผวจ.อำนาจเจริญให้ตรวจสอบที่ดิน นส.3 ก ของนางเต็ม มาศิริ ออกทับซ้อน สค1 โรงเรียนหรือไม่ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. 63 ที่ผ่านมา นายตำรา กล่าวว่าที่ดิน นส.3 ก.ของนายสำลี อินทร์สด มาจากไหน ซึ่งแต่เดิมนายสำลีมาขออาศัยอยู่และขอสร้างบ้านอยู่เท่านั้น จากการตรวจสอบเอกสาร นส3 ก. ช่วงที่นายนายสิทธิศักดิ์ สุทธิตระการ อาจารย์ใหญ่ นาตำรา ฑีฆะ ผู้ช่วย และนายประสานทองแก้ว ผู้ใหญ่บ้าน ทั้ง 3 คนยอมรับว่าได้ลงนามที่ดินข้างเคียงจริงแต่พวกตนไม่ได้เดินสำรวจด้วยไม่รู้เรื่องเซนต์ไปเพราะไม่ทราบ แต่หลังจากนั้นพบว่าที่ดินเพิ่มจาก 25 ไร่เพิ่มขึ้น 34 ไร่ตนจึงสงสัยที่ดินดังกล่าวมาจากที่ใดตนและคณะกรรมการต้องการแต่เพียงการออกเอกสารสิทธิ์ให้ตรงกับเอกสาร สค.1 ซึ่งตนเชื่อว่าที่ดิน นส3.ก.ของนางเต็ม มาศิริ เนื้อที่ 29 ไร่ออกทับซ้อน ที่ดิน สค.1 ของโรงเรียนที่มีเนื้อที่จริงประมาณ 80 ไร่ ถูกนาสำลีนำไปออก นส3 กโดยมิชอบนายตำรากล่าว
นายวิชชากร วงค์จริยะกรณ์ รอง ผอ. สพป. กล่าวขณะนี้เรื่องกำลังดำเนินการอยู เรื่องดังกล่าวทางที่ดินจังหวัดได้รายงานหารือไปที่กรมที่ดินที่ดินจะต้องแจ้งไปยังธนารักษ์เพื่อจะได้ตรวจสอบว่าที่ดินกำลังพิพาทอยู่ขณะนี้จะเป็นกรรมสิทธิ์ของโรงเรียนหรือเป็นของนายสำลี สำหรับ สพป.มีหน้าที่กำกับดูแลโรงเรียนส่วนที่ดินเป็นหน้าที่ของธนารักษ์มิสิทธ์ตามกฏหมาย
ด้านนายสุดใจ สมุทรเวช ตัวแทนที่ดินจังหวัดกล่าวเพียงสั้นๆว่าเรื่องนี้จะต้องรอผลจากทางกรมที่ดินจะสั่งมาอย่างไรทางที่ดินจะต้องมอบหมายให้ธนารักษ์จังหวัดออกไปรางวัดสอบเขตว่า สค.1 เล่ม 4 ออกปี พ.ศ.2484 ทิศใต้จด ห้วยสมบัติ ทิศเหนือจดทางไปบ้านบุ่งซวย ทิศตะวันออกจดนายอ้วน ทิศตะวันตกจดนายกะเล็น กว้าง 5 เส้น ยาว 5 เส้น จำนวน 25 ไร่ ส่วนที่ดินเพิ่มมาอีก 9 ไร่ เป็น 34 ไร่ได้มาจากใครจะต้องรอพิสูจน์ต่อไป ว่า น.ส.3ก. หน้า 84 เล่ม1 ข หน้า 34 เลขที่ดิน 7 นางเต็ม มาศิริ ออกเมื่อ วันที่ 11 ตุลาคม 2533 ได้ออกทับซ้อน สค.1จริงตามที่โรงเรียนและชาวบ้านกล่าวหาหรือไม่ จะได้พิสูจน์ในไม่ช้าและจะได้ยุติปัญหาแต่หากทั้ง 2 ฝ่ายไม่ยินยอมจะต้องขึ้นสู่ตามขบวนการของศาลนายสุดใจกล่าว
นายวิโรจน์ น้อยปลอด ผอ.ส่วนอำนวยการฐานข้อมูลธนารักษ์จังหวัด กล่าวว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับเอกสารหลักฐานและทางธนารักษ์ต้องผลจากกรมที่ดินมาก่อนจึงจะสามารถออกมาทำการรางวัดตรวจสอบว่าเป็นไปตามข้อกล่าวหาของคณะกรรมการสถานศึกษาและราษฎร 4 หมู่บ้านหรือไม่หากผลการตรวจสอบพบว่าทางนางเต็ม มาศิริ หรือนายสำลี อดีตครูใหญ่ออกเอกสารเป็นไปตามระเบียบของกฎหมายที่ดินทุกประการก็ไม่สามารถทำอะไรได้
###ดาวใต้นิวส์ออนไลน์098-9515199
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น