ข่าว รองนายแพทย์ สสจ.สระแก้ว เปิดรณรงค์ให้วัคซีนป้องกันโรคหัด เด็ก 1-12 ปี
*****บ่ายของวันนี้ (14 พย.62) นายสมเกียรติ ทองเล็ก รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว เป็นประธานเปิดโครงการรณรงค์ให้วัคซีนป้องกันโรคหัดในกลุ่มเด็กอายุ 1-12 ปี ณ โรงเรียนอนุบาลวัดสระแก้ว อำเภอเมืองสระแก้ว โดย นพ.ชัยรัตน์ สมบูรณ์ธนกิจ หัวหน้ากลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว กล่าวรายงาน นายไชยยา จักรสิงโต สาธารณสุขอำเภอเมืองสระแก้ว รองผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลวัดสระแก้ว คณะครูและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมเป็นเกียรติ
*****นายสมเกียรติ ทองเล็ก รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า จากข้อมูลสถานการณ์โรคหัดจังหวัดสระแก้ว พบว่าปัญหาโรคหัด ส่วนใหญ่เกิดจากการที่คนไข้ไม่เคยได้รับวัคซีนหรือไม่แน่ใจ ซึ่งเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคเป็นอย่างมาก โรคหัด เป็นโรคไข้ออกผื่น พบได้ทุกวัย และพบได้บ่อยในเด็กเล็ก อายุ 1-6 ปี เกิด ติดต่อกันได้ง่ายมาก โดยการไอ จาม หรือพูดกันในระยะใกล้ชิด เชื้อไวรัสจะกระจายอยู่ในละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย และเข้าสู่ร่างกายโดยทางการหายใจ บางครั้งเชื้ออยู่ในอากาศเมื่อหายใจเอาละอองที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสเข้าไป ก็ทำให้เป็นโรคได้ ถ้าไม่มีภูมิต้านทาน นอกจากนี้โรคหัดยังอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ การป้องกันโรคหัด ทำได้โดยการแยกผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นโรคหัดจนถึง 4 วันหลังผื่นขึ้น หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วย และฉีดวัคซีนป้องกัน ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขให้วัคซีนป้องกันโรคหัด 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อเด็กอายุ 9-12 เดือน ครั้งที่ 2 เมื่อเด็กอายุ 2 ปีครึ่ง โดยให้ในรูปของวัคซีนรวมป้องกันโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน (MMR) ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคหัดนี้ ขอให้พ่อแม่ ผู้ปกครองนำบุตรหลานไปรับวัคซีนให้ครบตามเกณฑ์ ดำเนินการเฝ้าระวังป้องกันโรคหัดตามคำแนะนำเบื้องต้น เน้นย้ำให้ผู้ปกครองนำบุตรหลานอายุ 0-5 ปี รับวัคซีนตามเกณฑ์ สำหรับเด็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีน /ผู้ใหญ่ที่ไม่มีประวัติวัคซีน ให้ได้รับวัคซีนด้วย หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคหัดสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ทั้งนี้ การรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดได้ดำเนินการพร้อมกันทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 14 พย.62 ถึง 31 มีค.63 โดยผู้ปกครองสามารถพาบุตรหลานอายุ 1-12 ปี ไปรับวัคซีนป้องกันโรคหัด ณ สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
*****นพ.ชัยรัตน์ สมบูรณ์ธนกิจ หัวหน้ากลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว กล่าวว่า สถานการณ์โรคหัดข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พบรายงานผู้ป่วยโรคหัดในทุกภูมิภาคของโลก โดยมีจำนวนผู้ป่วยสูงสุดในอินเดีย 64,972 ราย รองลงมาคือยูเครน 53,218 ราย และปากีสถาน 33,224 ราย ตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบการระบาดในประเทศ ฟิลิปปินส์ เซอร์เบีย จอร์เจีย เป็นต้น ส่วนในประเทศไทยพบว่าในปี 2561 ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันโรคหัดทั่วประเทศ 3,590 ราย เสียชีวิต 23 ราย และในปี 2562 นี้ (ณ วันที่ 21 มิถุนายน 62) พบผู้ป่วยแล้ว 1,908 ราย เสียชีวิต 12 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่อายุน้อยกว่า 1 ปี รองลงมาคือกลุ่มอายุ 1-4 ปี อายุ 20-29 ปี อายุ 5-9 ปี และอายุ 30-39 ปี ตามลำดับ โดยจากการสอบสวนโรคพบว่าผู้ป่วยร้อยละ 84 ไม่เคยได้รับวัคซีนหรือไม่แน่ใจ ซึ่งเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคเป็นอย่างมาก
*****หัวหน้ากลุ่มงานเวชกรรมสังคม กล่าวอีกา ประเทศไทยให้วัคซีนโรคหัดตามแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคตั้งแต่ปี 2527 แก่เด็กอายุ 9 เดือน ต่อมาในปี 2539 ได้เพิ่มการฉีดวัคซีนโรคหัดเข็มที่สอง รวมถึงปัจจุบันได้กำหนดให้มีการเก็บตกเด็กที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์เมื่อเข้าเรียนชั้น ป.1 อย่างไรก็ตาม ข้อมูลความครอบคลุมการได้รับวัคซีนของประเทศไทยพบว่า ถึงแม้ความครอบคลุมการได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดโดยรวมจะมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่ก็ยังพบเด็กบางกลุ่มที่ยังได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ และในปีงบประมาณ 2562 นี้
กรมควบคุมโรคได้ดำเนินโครงการรณรงค์ให้วัคซีนป้องกันโรคหัดในกลุ่มเด็กอายุ 1-12 ปี ทั่วประเทศ พ.ศ.2562-2563 ตามแผนเร่งรัดการกำจัดโรคหัดของประเทศไทย เพื่อรณรงค์ให้วัคซีนเก็บตกในกลุ่มเด็กไทย และเด็กต่างชาติช่วงอายุดังกล่าว ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ทุกราย ยกระดับภูมิคุ้มกันโรคหัดในเด็กให้สูงขึ้น เพียงพอต่อการป้องกันการป่วย และการระบาดของโรคหัด โดยเป็นการให้วัคซีนป้องกันโรคหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR) แก่เด็กอายุ 1-7 ปี และให้วัคซีนป้องกันโรคหัด-หัดเยอรมัน (MR) แก่เด็กอายุ 7-12 ปี การรณรงค์ครั้งนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว ร่วมกับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว และสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองสระแก้ว จัดรณรงค์กลุ่มเป้าหมายในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด ได้แก่ เด็กอายุ 1-12 ปีที่ยังได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ ในพื้นที่อำเภอเมืองสระแก้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น