ทิป บ๊อก ยุค 4.0

ทิป บ๊อก ยุค 4.0
ทิป บ๊อก ยุค 4.0

วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2561

อดีตทหารผ่านศึกเวียดนามร้องขอความช่วยเหลือจากราชการ

อดีตทหารผ่านศึกเวียดนามร้องขอความช่วยเหลือจากราชการ

เมื่อเวลา 10.30น. ของวันที่ 31 ตค.61 นายเอกชนะ   นวนละมัย   นายกสมาคมสื่อฯภูมิภาคจังหวัดชุมพร   ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีทหารผ่านศึกที่ไปรบเวียตนาม  รุ่นกองพลเสือดำ  พลัด2  ตอน2 ร้องตั้งแต่ปลดจากประจำการยังไม่เคยได้รับบัตรทหารผ่านศึกและสวัสดิการต่างจากทางราชการเลย ร้องขอความเป็นธรรม  เมื่อได้รับแจ้งจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ   บ้านเลขที25/1 ม.9 ต.เขาค่าย  อ.สวี จ.ชุมพร วึ่งอยู่ห่างจากถนนเพชรเกษมเขาไปติดชายแดนระนอง กว่า 61 กม. พบอดีตสิบตรี  บัว  จันทร์แสง อายุ 74 ปี เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวนั่งรอพบผู้สื่อข่าวอยู่ จึงได้นั่งคุยจึงทราบว่า  สิบตรี บัว  จันทร์แสง เดิมเป็นคนจังหวัด บุรีรัมย์ เป้นทหารเกณท์ จังหวัดทหารบกโคราช  และจะปลดประจำการจึงได้สมัครไปร่วมรบที่ไช่ง่อน เวียตนาม กองกำลัง ทหารฝ่ายโลกเสรี  ณสมรภูมิแห่งประเทศสาธารณรัฐเวียตนาม    ตั้งแต่วันที่ 4  กพ.2513  ถึง 4 กพ. 2514 และได้ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่ บ้านเขาค่ายสวี  จ.ชุมพรตั้งแต่พศ 2523 และตั้งแต่นั้นไม่เคยได้รับบัตรทหารผ่านศึกและสวัสดิการด้านอื่นๆจากทางราชการเลยจึงอยากขอความเป็นธรรมในด้านนด้วย





            ทางด้านนาย เอกชนะ   นวนละมัย  นายกสมาคมสื่อมวลชนภูมิภาคจังหวัดชุมพรจึงได้ประสานไปยัง   นายมโน     พลวารินทร์ อดีตเจ้าหน้าที่ องค์การทหาร ผ่านศึกชุมพร เพื่อประสานในด้านต่างๆร่วมไปถึงข้อมูลของทางราชการสวัสดีการ   จนทราบว่า  สิบตรีบัว    จันทร์แสง  อายุ 73 ปีเป็นทหารผ่านศึกเวียตนาม  ไช่ง่อน  จริงๆ  ในรุ่น"กองพลเสือดำ   ผลัด2  ตอน2 ได้รับบัตรทหารผ่านศึกมาแล้ว ออกให้โดยมลทลทหารผ่านศึก  นครราชสีมา  แต่สิบตรีบัว   จันทร์แสงไม่ได้เข้ามารับบัตรและรับสวัสดิการต่างๆๆเลย  ทางด้านกองการทหารผ่านศึก ชุมพรจึงได้จัดการทำบัตรทหารผ่านศึกศึกใหม่ให้กับ  สต.บัว  จันทร์แสง พร้อมอธิบายถึงขั้นตอนในการรับสวัสดิการต่างๆๆจากกรมการทหารผ่านศึกร่วมถึงเงินสวัสดิการต่างๆรายปี    ชึ่งเมื่อสิบตรีบัว  จันทร์แสงได้รับบัตรทหารผ่านสึกและเงินสวัสดิการ จากทางการทหารผ่านศึกในครั้งนี้สร้างความดีใจให้กับครอบครัวเป้นอย่างยิ่ง   ที่ได้รับการประสานและดูแลในครั้งนี้










 /////พงศกร  นวนละมัย  ข่าวจ .ชุมพร

วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ชุมพร-จัดเวทีถนนปลอดภัย 4.0 หวังสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน

ชุมพร-จัดเวทีถนนปลอดภัย 4.0 หวังสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน



  วันนี้(18 ต.ค.2561) ที่ห้องประชุม โรงแรมลอฟท์ มาเนีย บูติค โฮเทล อ.เมือง จ.ชุมพร นายวิบูลย์ รัตนาภรวงศ์ ผวจ.ชุมพร ได้เปิดประชุมโครงการติดตามแผนการบริหารข้อมูลเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างยั่งยืน ครั้งที่ 4 (MIS FOR SUSTAINABLE ROAD SAFETY) เวทีถนนปลอดภัย 4.0 ซึ่งบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ได้จัดขึ้น โดยได้กำหนดกรอบ  แนวทางการจัดทำร่างแผนป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดชุมพร ปีงบประมาณ 2562 มีวิสัยทัศน์ คือ มุ่งมั่นสู่มาตรฐานการสัญจรด้วยความปลอดภัยในพื้นที่จังหวัดชุมพร มีเป้าหมายการดำเนินงาน บูรณาการขับเคลื่อนการดำเนินความปลอดภัยทางถนนในทุกระดับ ทุกภาคส่วน ทุกเครือข่าย ตามยุทธศาสตร์ คือ  1. ยุทธศาสตร์ที่ 1 การปฏิรูประบบการจัดการด้านความปลอดภัยทางถนน  2. ยุทธศาสตร์ที่ 2 การเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน 3. ยุทธศาสตร์ที่ 3 ประเทศไทยขนส่งทางถนนปลอดภัย 4.0 และ 4.ยุทธศาสตร์ที่ 4 ประชารัฐเพื่อถนนปลอดภัย มีนายธีรยุทธ์ จันทร์ดิษฐวงษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธรณะภัย จ.ชุมพร นายพิศิษฐ์  วิบูลย์ศิลป์ ผู้จัดการภาคอาวุโส(ภาคใต้ตอนบนสุราษฎร์ธานี) บริษัทกลางฯ พร้อมด้วยสื่อมวลชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมเวทีฯ
   


 “ในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชนได้มีการบูรณาการความร่วมมือป้องกันและลดอุบัติเหตุ   ทางถนนอย่างต่อเนื่อง มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการปัญหาอุบัติเหตุทางถนนอย่างเป็นระบบ ควบคู่การลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนนที่ครอบคลุมทุกมิติ  ทั้งนี้ในภาคประชาชนขอให้ปฏิบัติตนตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินทั้งของตนเองและผู้อื่น มีจิตสำนึกความปลอดภัย (Safety Mind) จะช่วยให้สังคมนั้นๆ มีวัฒนธรรมความปลอดภัย (Safety Culture) นำไปสู่การขยายผลไปสู่สังคมโดยรอบต่อไป การสร้างจิตสำนึกความปลอดภัยทางถนนให้กับประชาชน อาจใช้ทั้งหลักนิติรัฐ และนิติศาสตร์ ควบคู่กับการนำหลัก “ประชารัฐ” มาเป็นกลไกในการประสาน แสวงหาความร่วมมือในชุมชน หมู่บ้าน จะทำให้เกิดกติกาทางสังคมที่มีการตกลงร่วมกัน ซึ่งข้อตกลงหรือกติกาทางสังคมดังกล่าวอาจปรับเปลี่ยนไปตามบริบทแต่ละพื้นที่ นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ใช้รถใช้ถนนของชุมชนหรือสังคมนั้นๆ บนพี้นฐานความปลอดภัยอย่างยั่งยืน ความปลอดภัยทางถนนเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ไม่มีหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งที่จะสามารถดำเนินการได้สำเร็จแต่เพียงหน่วยงานเดียว จึงขอเน้นย้ำว่า ความปลอดภัยทางถนนทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน มีเป้าประสงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนร่วมกัน เพื่อสร้างวัฒนธรรม         ความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน” นายวิบูลย์ กล่าว
  “การขับเคลื่อนนโยบายในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน อาศัยปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการ ทั้งการบริหารงานแบบบูรณาการที่ต้องให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม กลไกการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ รวมถึง การพัฒนาระบบงานสนับสนุนให้มีความเข้มแข็ง โดยเฉพาะการนำแผนปฏิบัติการด้านความปลอดภัยทางถนนในระดับจังหวัด อำเภอ และท้องถิ่นที่ ไปปฎิบัติ ให้เกิดความชัดเจน เป็นรูปธรรม และสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในพื้นที่ ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นระบบ การเปิดเวทีถนนปลอดภัย 4.0 เป็นการติดตามผลการปฎิบัติการที่จะได้ร่วมกัน นำเสนอผลการปฎิบัติการ และ  ระดมความคิดเห็น วิเคราะห์สถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนน และปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ในพื้นที่   เพื่อกำหนดตัวชี้วัด มาตรการ และแผนงานในการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่  รวมถึงสามารถขับเคลื่อนการรายงานข้อมูลสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่อย่างเป็นระบบ ถูกต้อง และสมบูรณ์ และที่สำคัญจะนำไปสู่การมีแผนปฏิบัติการด้านความปลอดภัยทางถนนจังหวัด เพื่อบูรณาการการดำเนินงานกับทุกภาคส่วนในพื้นที่ขับเคลื่อนการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ต่อไป” นายธีรยุทธ์ กล่าว


เอกชนะ นวนละมัย รายงาน

ชุมพร - เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นความต้องการชาวบ้าน กิจกรรมCSR โรงโม่หิน


ชุมพร - เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นความต้องการชาวบ้าน กิจกรรมCSR โรงโม่หิน



   วันนี้( 20 ตุลาคม 2561) ที่ลานอเนกประสงค์ บริษัท สมบูรณ์ศิลาทอง จำกัด หมู่ที่ 10 ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร นายประทีป แสงจันทร์ นายก อบต.นากระตาม นายปิยะพงษ์ มีสุวรรณ กำนัน ต.นากระตาม นายวรุณ มุททารัตน์ กรรมการผู้จัดการและคณะผู้บริหารบริษัท สมบูรณ์ศิลาทอง จำกัด ได้เชิญผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และตัวแทนชาวบ้านทั้ง 11 หมู่บ้านใน ต.นากระตาม ประมาณ 150 คน เข้าร่วมประชุมตามโครงการการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาและรับทราบความต้องการของประชาชน ใช้เวลาประชุมและรับฟังความคิดเห็นตลอดจนข้อเสนอแนะของผู้เข้าร่วมประชุมโดยใช้เวลาในการประชุมครั้งนี้ กว่า 2 ชั่วโมง
  “ เวทีประชาคมวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชาวบ้านได้รับรู้การดำเนินงานของบริษัท สมบูรณ์ศิลาทอง จำกัด ในปีนี้ และมีส่วนร่วมในการเสนอปัญหาของแต่ละพื้นที่ แต่ชาวบ้านบางคนอาจไม่เข้าใจ คิดว่าแค่ฝากผู้นำชุมชนมาก็น่าจะจบแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ เพราะตามระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรีกำหนดเอาไว้ว่า โครงการใดที่เป็นในเชิงสาธารณะ และใช้งบฯ ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องมีส่วนรับรู้โดยผ่านเวทีประชาคม เพื่อให้ทราบว่ามีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมากน้อยแค่ไหน แม้ว่าโครงการนั้นๆ จะมีแต่ส่วนได้ไม่มีส่วนเสีย ก็ต้องจัดเวทีประชาคม เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องนำข้อเสนอแนะจากชาวบ้านกลับไปพิจารณา ข้อสรุปในการประชุมวันนี้ก็คือการเสนอโครงการขอเลื่อนไปในการจัดประชุมเดือนหน้า หลังจากนี้แต่ละชุมชนต้องกลับไปหารือกัน และเตรียมความพร้อมในการเสนอความคิดเห็นในการประชุมครั้งต่อไป โครงการที่จะเสนอเข้ามาอาจเป็นโครงการเดียว หรือหลายโครงการในวงเงิน 1 ล้านบาทก็ได้ เพื่อให้โครงการที่เกิดขึ้นมีประโยชน์ต่อ ต.นากระตามอย่างแท้จริง” นายประทีป กล่าว



  “ บริษัท สมบูรณ์ศิลาทอง จำกัด ให้ความสำคัญกับชุมชนด้วยการตั้งงบประมาณเอาไว้ปีละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ในการจัดโครงการต่างๆ เพื่อชุมชน และเป็นกิจกรรมเพื่อสังคม(CSR)โดยมีการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็น ประชาชนใน ต.นากระตาม ว่าชาวบ้านต้องการอะไร เพื่อให้ตรงกับความต้องและความจำเป็นเร่งด่วน โดยเมื่อปี 2560 ได้ข้อสรุปว่าชาวบ้านต้องการรถกู้ชีพกู้ภัยพร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิต จึงมีการจัดซื้อแล้วมอบให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชุมพร เพื่อส่งต่อให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) นากระตามไปแล้ว 1 คัน ส่วนในปีนี้บริษัทได้จัดประชุมเพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการของชาวบ้านอีก แต่อาจมีการสื่อสารกันระหว่างผู้นำชุมชนกับชาวบ้านไม่เข้าใจกัน รวมทั้งยังเป็นการประชุมในวันที่หลายคนทำงาน จึงทำให้มีชาวบ้านมาร่วมประชุมน้อย ดังนั้น การประชุมวันนี้ก็เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และกำหนดจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนอีกครั้ง เพื่อให้ทราบปัญหาและความต้องการของชาวบ้านอย่างแท้จริง ซึ่งที่ผ่านมา นอกจากการจัดงบประมาณส่วนนี้แล้ว หากพื้นที่ใด ไม่ว่าจะเป็นในเขต ต.นากระตาม หรือต่างพื้นที่ หากมีการร้องขอมาว่าถนนจุดใดชำรุด และต้องการให้บริษัทเข้าไปช่วยซ่อมแซมให้ ถ้าไม่เกินขีดความสามารถเราก็พร้อมเข้าไปดำเนินการให้ ” นายวรุณ กล่าว

ไฟไหม้บ้านเก่ากว่า80ปี4คูหาวอดบ้านต้นเพลิงหวัดดับ

ไฟไหม้บ้านเก่ากว่า80ปี4คูหาวอดบ้านต้นเพลิงหวัดดับ


  เมื่อเวลา 05.30น. ของวันที่ 21  มค.61  รตท. ธนภัทร   รุ่งเรืองสาคร  ร้อยเวรสภ.เมือง ชุมพรได้รับแจ้งจากวิทยุดอนตาล เทศบาลเมืองชุมพรว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ บ้านไม้เก่าแก่ บริเวณ แยกสุขเสมอ เลขที 62   ถนนพิศิษย์พยาบาล    ต.ท่าตะเภา  อ.เมือง จ.ชุมพร  เมื่อได้รับแจ้ง  จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบจากนั้นจึงรีบเดินทางไปที่เกิดเหตุ   พร้อมหน่วยกู้ภัยสายชล  พร้อมกับเจ้าหน้าที่ ป้องกันภัยเทสบาลเมืองชุมพร




    เมื่อถึงที่เกิดเหตุบริเวณแยกสุขเสมอด้านถนนพิศิษย์พยาบาล  ต.ท่าตะเภาพบชาวบ้านกัลช่วยกันทุบบ้านใกล้บ้านต้นเพลิงปลุกเพื่อให้ตื่นออกจากพื้นที่เกิดเพลิงไหม้จนเพลิงไหม้ จึงกันให้ออกจากพื้นที่ให้รุดับเพลิงและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเทสบาลเมืองชุมพรได้ปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็ว   รถดับเพลิงของเทศบาลได้ช่วยกว่า4คับฉีดน้ำดับเพลิง  กว่า 30 นาที่ เพลิงจึงสงบ  และในการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้มีนายศรีชัย   วีรนรพานิช    นายกเทศมนตรีได้เข้าไปบัญชาการดับเพลิงในครั้งนี้ด้วยตนเอ ง  แต่เพลิงก็ได้เผาไหม้บ้านวอดไป4 คูหา  เพราะเป็นบ้านไม้เก่าแก่มีอายุกว่า 80 ปี และของที่อยู่ภายในบ้านแต่ละหลังเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีเพราะเป็นย่านขายเสื้อผ้าชุดนักศึกษาและอุปกรณ์ทางการศึกษา โ ดยใช้เวลาเพียง 30 นาที่วอดไป4 คูหาเพราในช่วงเวลาเพลิงไหม้ได้มีลมช่วงมรสุมเข้ามามาแรงช่วยส่งในครั้งนี้เพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ทั้งที่รถดับเพลิงได้ฉ๊ดน้ำดับเพลิงกว่า6-8 ตันมาช่วยกันในครั้งนี้ โดยไฟไหม้บ้านเลขที่ 62   64   66  68    4 คูหา




        เมื่อเพลิงสงบทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบสวน ในเบื้องต้น บ้านต้นเพลิงชึ่งเป็นบ้านเลขที่ 62 และเป็นบ้านที่เจ้าของได้รับบาดเจ็บด้วยจากไฟไหม้ในครั้งนี้เพราะไปดับไฟจนโดนไปลวก เป็นบ้านขายของเล่นเด้กๆๆนานาชนิดทราบขณะกำลังหลับภายในบ้านได้ยินเสียงดังเปรียๆๆ2-3  ครังจากนั้นได้กลิ่นไหม้ จึงลุกออกมาดูเห้นควันไฟจึงเข้าไปดับไฟ  แต่ไฟได้ลุกไหม้อย่างรุนแรงจนควันโขมงจึงเปิดประตูออกมาพร้อมทั้งตะโกนบอกให้คนช่วยจากนั้นไฟจึงบลุมไหม้ อย่างรวดเร้วจนเผาผลาญวอดทั้ง4 ห้องโดยแต่ละหลังไม่สามารถขนของออกมาจากบ้านได้สักชิ้นเดียว และจากการสำรวจความเสียหายในครั้งนี้ไม่สามารถประเมินได้เพราะสินค้าในแต่ละบ้านละคูหาแน่นร้านจนไม่มีทางเดินดังนั้นความเสียหายยังประเมินไม่ได้ หลังเพลิงสงบทางเจ้าหน้าที่พิสุจน์หลักฐานจะเข้าทำการตรวจสอบอีกครั้ง
เอกชนะ นวนละมัย รายงาน

วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ชุมพร – เตรียมจัดงานแห่งมรดกวัฒนธรรมลุ่มน้ำหลังสวน แข่งเรือขึ้นโขนชิงธงชิงถ้วยพระราชทาน 175 ปี



ชุมพร – เตรียมจัดงานแห่งมรดกวัฒนธรรมลุ่มน้ำหลังสวน แข่งเรือขึ้นโขนชิงธงชิงถ้วยพระราชทาน 175 ปี

วันที่ 16 ตุลาคม 2561 เวลา 11.00 น. ที่ท่าน้ำวัดด่านประชากร อ.หลังสวน จ.ชุมพร นายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย นายสุพล จุลใส นายก อบจ.ชุมพรเรืออาอากาศตรีโสภณ ภู่ขันเงิน นายอำเภอหลังสวนนางวิไล พรหมมณีวัฒนธรรมจังหวัดชุมพร และนายวริช วิชิต รองผอ.ททท.ชุมพร ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานประเพณีแห่พระแข่งเรือขึ้นโขนชิงธงชิงถ้วยพระราชทาน UNSEEN THAILAND 175 ปี แห่ง มรดกวัฒนธรรมลุ่มน้ำหลังสวน ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-29 ตุลาคม 2561






นายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์ ผวจ.ชุมพร กล่าวว่า ตำนานการแข่งขันเรือยาวขึ้นโขนชิงธง อ.หลังสวน จ.ชุมพร เป็นการดำเนินชีวิตของคนไทยในอดีตที่มีความผูกพันกับสายน้ำมาเนิ่นนาน เมืองหลังสวนมีแม่น้ำไหลผ่านใช้เป็นเส้นทางสัญจรไปมา และการขนถ่ายสินค้าเพื่อการค้าขาย โดยพาหนะที่ใช้คือ "เรือ" ซึ่งมีความสำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยมาอย่างยาวนาน ผู้สันทัดกรณีบางท่านสันนิษฐานว่า การแข่งขันเรือยาวของหลังสวน คงจะเกิดขึ้นราว พ.ศ. 2387 ในสมัยรัชกาลที่ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยจะเริ่มขึ้นวันแรม ค่ำ เดือน 11 ซึ่งเป็นวันออกพรรษาของทุกปี เพราะในวันออกพรรษานี้ ชาวพุทธจะไปร่วมทำบุญตักบาตรเทโวที่วัด ซึ่งในสมัยนั้นวัดส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ริมน้ำ ชาวบ้านจะใช้เรือเป็นพาหนะ เสร็จจากการร่วมทำบุญตักบาตรแล้ว ก็สนุกสนานด้วยการพายเรือแข่งกัน










และปี พ.ศ. 2506 ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานโล่รางวัลชนะเลิศการแข่งขัน และโล่รางวัลชนะเลิศประกวดเรือประเภทสวยงามจาก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดย พลเอกครวญ สุทธานินทร์ เป็นตัวแทนเข้ารับพระราชทานโล่รางวัลจาก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และได้อัญเชิญโล่พระราชทานมาอำเภอหลังสวน ทำการแข่งขันเรือยาวในปี พ.ศ. 2507 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำรัสกับคณะที่เข้าเฝ้าตอนหนึ่งว่า "ขอให้ร่วมรัก สามัคคี ให้งานประเพณีอยู่ยั่งยืนตลอดไป"  ทั้งนี้ งานประเพณีแห่พระแข่งเรือ อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร จัดเป็นมรดกทางวัฒนธรรม เพื่อสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในชุมชน และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น โดยเฉพาะการขึ้นโขนชิงธงที่นายท้ายเรือต้องถือท้ายเรือให้ตรงเพื่อให้นายหัวเรือคว้าธงที่ทุ่นเส้นชัย โดยการขึ้นโขนเรือ ในปี 25561 จะมีขึ้น ใน วันที่ 25-29 ต.ค.2561นับเป็นปีที่ 175





ด้าน นายสุพล จุลใส นายก อบจ.ชุมพร เปิดเผยว่า "งานประเพณีแห่พระแข่งเรือขึ้นโขนชิงธง ชิงถ้วยพระราชทาน มรดกวัฒนธรรมแห่งลุ่มน้ำหลังสวน อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ประจำปี 2561 ปี ที่ 175 อบจ.ชุมพร ได้ตั้งงบประมาณสนับสนุนจำนวน ล้านบาท และได้สนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีกิจกรรมต่างๆ ดังนี้ พิธีบวงสรวงเรือ วันที่ 23 ตุลาคม 2559, เปิดเมืองกินฟรี วันที่ 23 ต.ค.61 ตุลาคม 2561 ตั้งแต่เวลา16.00 น.ร่วมทำบุญตักบาตรเทโว ทอดผ้าป่า ชมขบวนแห่เรือพระบก วันที่ 25 ต.ค. 61, การแข่งขันเรือยาวขึ้นโขนชิงธงระหว่างวันที่ 25-29 ตุลาคม 2561 และ การจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน (OTOP TOWN)เป็นต้น
โดยหลังการแถลงข่าว นายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์ ผวจ.ชุมพร ได้ร่วมชมการสาธิตแข่งเรือยาวขึ้นโขนชิงธงมรดกวัฒนธรรมลุ่มน้ำหลังสวน นอกจากนี้ยังได้ร่วมพากย์เรือยาว ให้พี่น้องสื่อมวลชนและประชาชนที่มาร่วมการแถลงข่าวครั้งนี้ได้ชมได้ฟังอีกด้วย
เอกชนะ นวนละมัย ศูนย์ข่าว ชุมพร 

ชุมพร - การประชาสัมพันธ์และประชุมรับฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 2 พื้นที่ชายฝั่งบริเวณวัดถ้ำโพงพาง ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร

 ชุมพร - การประชาสัมพันธ์และประชุมรับฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 2 พื้นที่ชายฝั่งบริเวณวัดถ้ำโพงพาง ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร  ...